ความสามารถทางด้านเหตุผล
ความสามารถด้านเหตุผล หมายถึง การคิดอย่างมีหลักการหรือคิดอย่างมีเหตุผล วัดได้โดยใช้แบบทดสอบ
แบบทดสอบวัดความสามารถด้านเหตุผลนิยมออกในหลายรูปแบบ เพราะถือว่าความมีเหตุผลของบุคคลอาจซ่อนเร้นอยู่หลายลักษณะในตัวบุคคลนั้น ปัจจุบันข้อสอบความสามารถด้านเหตุผล แยกกออกได้ดังนี้
1. การจำแนกประเภท
1.1 แบบไม่เข้าพวก
1.2 แบบเข้าพวก
2. แบบสรุปความ
3. แบบอุปมาอุปไมย
4. แบบมิติสัมพันธ์ภาพ
5. แบบหาตัวต่าง
6. แบบหาตัวร่วม
แบบจำแนกประเภท
แบบทำสอบการจำแนกประเภทเป็นแบบทดสอบวัดความสามารถด้านเหตุผล เพราะต้องอาศัยการวิเคราะห์แยกแยะ ความเหมือน ความต่างของสิ่งต่าง ๆ ว่ามีสิ่งใดที่เหมือน และสิ่งใดต่างกันบ้าง
ลักษณะของข้อสอบจะกำหนดประเภทของสิ่งของต่าง ๆ มาให้พิจารณาโดยอาศัยโครงสร้าง มโนภาพ หน้าที่ ฯลฯ แล้วให้เปรียบเทียบหาความเหมือน หรือแตกต่างกัน หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นแบบทดสอบแบบเข้าพวกหรือไม่เข้าพวกก็ได้ แบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ ๆ คือ
1. แบบไม่เข้าพวก
2. แบบเข้าพวก
1. แบบไม่เข้าพวก
ลักษณะข้อสอบจะมีการกำหนดคำหรือข้อความที่มีโครงสร้างที่เหมือน ๆ กันมาให้ชุดหนึ่ง แล้วให้พิจารณาคำหรือข้อความที่แตกต่างไปจากข้ออื่น หรือไม่เข้าพวกแบ่งออกเป็นแบบภาษา และแบบรูปภาพ
1.1 แบบภาษา
ตัวอย่าง
1. ข้อใดไม่เข้าพวก
ก. หอก ข. ขวาน ค. ดาบ ง. มีด จ. ปืน
เฉลยข้อ จ.
เหตุผล เพราะปืนไม่ใช่ของมีคม ส่วนสิ่งอื่น ๆ เป็นของมีคมทั้งนั้น
2. ข้อใดไม่เข้าพวก
ก. ลูกสาว ข. ลูกสะใภ้ ค. ลูกเขย ง. ป้า จ. ยาย
เฉลยข้อ ค
เหตุผล เพราะโครงสร้างเป็นเรื่องเดียวกับเพศหญิง ส่วนลูกเขยเป็นผู้ชาย
3. ข้อใดไม่เข้าพวก
ก. กด ข. กัด ค. กิน ง. เคี้ยว จ. กลืน
เฉลยข้อ ก
เหตุผล เพราะโครงสร้างคือขั้นตอนของการรับประทานอาหาร แต่การกดไม่ใช่ขั้นตอน
ของการรับประทานอาหาร
4. ข้อใดไม่เข้าพวก
ก. หิ้ว ข. หาบ ค. หอบ ง. หาม จ. โหน
เฉลยข้อ จ
เหตุผล เพราะตัวร่วมของคำในข้อนี้คืออาการของการขนย้ายสิ่งของคือหิ้วของ หอบของ และหามสิ่งของ แต่โหนไม่ใช่การกระทำที่เกี่ยวข้องกับสิ่งของ
#คลิ๊กดูแนวข้อสอบราชการที่ www.โหลดแนวข้อสอบราชการ.com
#รวมข้อสอบที่ออกบ่อยๆ รวบรวมโดยอาจารย์ของสถาบัน
#เจาะลึกครอบคุมตรงประเด็น เนื้อหาสาระสำคัญ ข่าวสารทันโลก
#จำหน่ายแนวข้อสอบมานานกว่า 10 ปี การรันตีจากผู้สอบติดมากมาย
#รวมหนังสือหรือไฟล์ เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาไปนั่งติว
แนวข้อสอบมี 2 รูปแบบ
1.แบบที่ 1 รอรับได้เลย ราคาเพียง 399 บาท (รอรับ 1-2 ชม หลังโอน)
2.แบบที่ 2 หนังสือ **ฟรี MP3** ราคา 699 บาท (ส่งฟรีขนส่งเอกชน)
ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อแนวข้อสอบ
Line ID : Panisara_test หรือคลิ๊กสั่งซื้อทันที
ชำระค่าสินค้าและบริการ
-ธ.กรุงไทย เลขที่บัญชี 983-0-97701-3
-ธ.กสิกรไทย เลขที่บัญชี 549-2-17930-4
(ชื่อบัญชี ปาณิสรา พระกาย ออมทรัพย์ สาขามหาวิทยาลัยขอนแก่น)
แนวข้อสอบวิศวกรไฟฟ้า
1. คุณสมบัติในข้อใดเป็นคุณสมบัติของวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม
1) ผลรวมของแรงดันที่ตกคร่อมเท่ากับผลรวมของแรงดันที่จ่ายให้กับวงจร
2) ผลรวมของกระแสที่ตกคร่อมเท่ากับผลรวมของกระแสที่จ่ายให้กับวงจร
3) กำลังไฟฟ้าคืออัตราส่วนระหว่างกระแสกับค่าความต้านทาน
4) แรงดันแปรผันตรงกับกระแสไฟฟ้า
เฉลย ข้อ1
แนวความคิด
จากกฎกระแสไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์กล่าวไว้ว่า
ผลรวมของกระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้าเท่ากับผลรวมของกระแสไฟฟ้าที่ไหลออกจากกฏแรงดันไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์กล่าวไว้ว่า
ผลรวมของแรงดันที่ตกคร่อมเท่ากับผลรวมของแรงดันที่จ่ายให้กับวงจร
2. จากกฎของโอห์มข้อใดกล่าวถูกต้อง
1) กระแสไฟฟ้าแปรผันตรงกับค่าความต้านทาน
2) แรงดันแปรผันตรงกับค่าความต้านทาน
3) ความต้านทานแปรผันตรงกับกำลังไฟฟ้า
4) กระแสไฟฟ้าแปรผันตรงกับแรงดันไฟฟ้า
เฉลย ข้อ2
แนวความคิด
จากกฎของโอห์มกล่าวไว้ว่า
V = IR
I = V/R
R = I/V
V คือความต่างศักย์ มีหน่วยเป็น โวลต์
I คือกระแสในวงจร หน่วยเป็น แอมแปร์
R คือความต้านทานในวงจร หน่วยเป็น โอห์ม
กล่าวคือกฎของ โอห์ม ใช้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้า ความต่างศักย์ไฟฟ้าและ ความต้านทาน ในวงจรไฟฟ้า กล่าวคือ กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวใดๆ แปรพันตรงกับความต่างศักย์ (แรงดันไฟฟ้า หรือแรงดันตกคร่อน) และแปรผกผันกับความต้านทานระหว่างสองจุดนั่นที่กระแสไหลผ่าน
3. กฎแรงดันของเคอร์ซอฟกล่าวว่าอะไร
1) ในวงจรไฟฟ้าปิดใด ผลรวมทางพีชคณิตของแรงดันไฟฟ้ามีค่าเท่ากับศูนย์
2) ผลรวมของแรงดันตกคร่อมทั้งวงจร
3) ผลรวมของแรงดันที่จ่ายให้แก่วงจร
4) ผลรวมของกระแสไฟฟ้าเท่ากับกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านในแต่ละสาขา
เฉลย ข้อ1
แนวความคิด
จากกฎแรงดันไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์กล่าวไว้ว่า
ผลรวมของแรงดันที่ตกคร่อมเท่ากับผลรวมของแรงดันที่จ่ายให้วงจร
=
ย้ายสมการจะได้
ดังนั้นกล่าวได้ว่าในวงจรไฟฟ้าปิดใด ผลรวมทางพีชคณิตของแรงดันไฟฟ้ามีค่าเท่ากับศูนย์
4. คำกล่าวในข้อใดกล่าวได้ถูกต้องตามวิธีของกระแสเมช
1) แก้ปัญหาวงจรไฟฟ้ารวดเร็วขึ้น
2) ง่ายต่อการแก้ปัญหาวงจรไฟฟ้า
3) ลดขั้นตอนในการแก้ปัญหาวงจรไฟฟ้า
4) ถูกทุกข้อ
เฉลย ข้อ4
แนวความคำ
ทฤษฏีกระแสเมช (Mesh Current Throres)
ทฤษฏีกระแสเมช เรียกว่า “เมชเคอร์เรนท์” (Mesh current Theores) เป็นการประยุกต์กฏของเคอร์ชอฟฟ์มาใช้แก้ปัญหาให้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ทฤษฏีกระแสเมชจะกำหนดให้ในวงจรปิดใดๆ หนึ่งสงจรปิด จะสมมติให้มีกระแสไหลหนึ่งจำนวนและจะสมมติทิศทางของกระแสไหลไปทิศทางใดก็ได้ ดดยค่ากระแสแต่ละวงจรปิดจะเป็นอิสระต่อกัน
โดยการแก้ปัญหาโจทย์ที่เกี่ยวกับวงจรไฟฟ้าที่ค่อนข้างยุ่งยาก สลับซับซ้อน ถ้าใช้ กฎของเคอร์ชอฟฟ์แล้วยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ก็ได้ทฤษฎีกระแสเมช โดยการเขียนสมการกฎแรงดันของเคอร์ชอฟฟ์ กับทุก Loop ที่มีการกำหนดกระแส สมมุติใน
5. คอมเพรสเซอร์ ทำหน้าที่
1) ทำให้เกิดแก๊สกลั่นตัวเป็นน้ำยาเหลว
2) ทำให้น้ำยาเหลวเดือดกลายเป็นไอ
3) อัดแก๊สความดันต่ำ ให้มีความดันสูงขึ้น
4) ลดความดันน้ำยาเหลว ให้เดือดกลายเป็นไอ
เฉลย ข้อ3
แนวความคิด
คอมเพรสเซอร์ หรือ อุปกรณ์อัดแก๊ส คือ ปั๊มที่ทำหน้าที่อัดแก๊สที่ได้จากน้ำยาที่กลายเป็นไอในอีวาปโปเรเตอร์ ให้มีความดันสูงขึ้น ซึ่งขณะเดียวกันอุณหภูมิของแก๊สจะสูงขึ้นด้วยเมื่อได้แก๊สความดันสูงแล้ว จึงจะให้ผ่านไปยังเดนเซอร์ เพื่อระบายความร้อนออกและทำให้แก๊สเหล่านี้กลั่นตัวเป็นน้ำยาเหลาอีกครั้งหนึ่ง การอัดแก๊สดังกล่าวจะอัดจนกระทั่งอุณหภูมิของแก๊สสูงกว่าอุณหภูมิของสารตัวกลางที่ใช้หล่อเย็นคอนเดนเซอร์ คอมเพรสเซอร์ที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องทำงานโดยมีการสูญเสียความดันจากการรั่วของแก๊สและใช้กำลังงานในการขับคอมเพรสเซอร์น้อยที่สุด
6. มอเตอร์ 1 เฟสชนิดใดปรับความเร็วรอบโดยใช้ความต้านทาน
1) สปลิตเพสมอเตอร์ 2) ยูนิเวอร์แซลมอเตอร์
3) เซตเด็ดโพลมอเตอร์ 4) รีพัลชั่นมอเตอร์
เฉลย ข้อ
แนวความคิด
มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ(Alternating Current Motor) หรือเรียกว่าเอ.ซี มอเตอร์(A.C. MOTOR)การแบ่งชนิดของมอเตอร์ไฟฟ้าสลับแบ่งออกได้ดังนี้
มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับแบ่งออกเป็น 3 ชนิดได้แก่
1.มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับชนิด 1 เฟส หรือเรียกว่าซิงเกลเฟสมอเตอร์ (A.D. Sing Phase)
-สปลิทเฟส มอเตอร์(Split-Phase motor)
-คาปาซิเตอร์ (Capacitor motor)
-รีพัลชั่นมอเตอร์(Repulsion-type motor)
-ยูนิเวอร์แวซลมอเตอร์(Universal motor)
-เช็คเดดโพล มอเตอร์(Shaded-pole motor)
2. มอเตอร์ไฟฟ้าสลับชนิด 2 เฟสหรือเรียกว่าทูเฟสมอเตอร์ (A.D.Two phase Motor)
3) มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับชนิด 3 เฟสหรือเรียกว่าทีเฟสมอเตอร์ (A.D. Three phase Motor)
ตัวอย่าง วงจรควบคุมความเร็วของยูนิเวอร์แซลมอเตอร์
7. มอเตอร์ 1 เฟสกลับทางหมุนได้อย่างไร
1) สลับสายเฟส 2 เส้น
2) กลับทิศทางการไหลของกระแสที่ขดใดขดหนึ่ง
3) ใช้ Rheostart
4) ควบคุมกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่าน Stator coil
เฉลย ข้อ4
แนวความคิด
วงจรการกลับทางหมุนมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 1 เฟส
หลักการของวงจรกำลังการกลับทางหมุนมอเตอร์ ไฟฟ้ากระแส สลับ1 เฟส สำหรับการทำงานของวงจรกำลังนั้นเมื่อ คอมแทคเตอร์ K1 ทำงานกระแสไฟฟ้าจะไหลจาก ไลท์ L1 เข้าขดรัน จากขั้ว U ไปยังขั้ว X แล้ว ครบวงจรที่ ส่วนที่ขดสตาร์ทกระแสไหล จากขั้ว V และขั้ว Y ครบวงจรที่ N เช่นกัน จะทำให้มอเตอร์ หมุนขวา ในขณะที่คอมแทคเตอร์ K1 หยุดทำงาน ให้คอนแทคเตอร์
8. หลอดเผาไส้ขนาด 60W . 220 V ขณะใช้งานปกติไส้หลอดมีค่าความต้านทานเท่าไร
1) 350.2 โอห์ม 2) 514.6 โอห์ม
3) 672.5 โอห์ม 4) 806.7 โอห์ม
เฉลย ข้อ4
วิธีทำ จากสมการ การหากำลังงาน
P = IV
จากกฎของโอห์ม
V = IR
หรือ
I =
นำไปแทนในสมการ การกำลังงาน จะได้
P =
=
ย้ายสมการหาค่าความต้านทานจะได้
R =
แทนค่าจะได้
R =
=
= 806.666667 Ω
ดังนั้นค่าความต้านทานเท่ากับ 806.7 โอห์ม
9. ขดลวกมอเตอร์ 3 เฟสจะวางห่างกันกี่องศา
1) 90 องศา 2) 100 องศา
3) 120 องศา 4) 150 องศา
เฉลย ข้อ3
แนวความคิด
จากสมการ ซึ่งผลรวมของแรงดันชั่วขณะใด ๆ คือ 0
จะเห็นว่าระยะของมุม ของแต่ละขดลวด อยู่หางกัน
10. เพราะเหตุใดจึงเรียกมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับว่า อินดักชั่นมอเตอร์
1) พลังงานเอ้าพุทเกิดจากการเหนี่ยวนำ 2) พลังงานอินพุทเกิดจากการเหนี่ยวนำ
3) โรเตอร์เป็นแบบกรงกระรอก 4) โรเตอร์เป็นแบบวาวด์โรเตอร์
เฉลย ข้อ1
แนวความคิด
อินดักชัน (induction) หมายถึง การเหนี่ยวนำโดยป้อนไฟฟ้ากระแสสลับแล้วทำให้เกิดกำลังงานกล บางครั้งเราเรียกมอเตอร์อินดักชันว่า มอเตอร์เหนี่ยวนำ สาเหตุที่เรียกเช่นนี้เพราะการหมุนของมอเตอร์ดังกล่าวเกิดจากการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กหมุนของลวดที่สเตอร์ที่มีผลต่อน้ำในโรเตอร์